ทิดสมปอง สารภาพเหตุยืมเงิน อดีตพระอลงกต ฟัง ป.ป.ท. พูดแล้วเหนื่อย

กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อมีการเปิดเผยอักษรย่อ ด. พ. และ ส. ว่าเป็นบุคคลมีชื่อเสียงที่เคยไปยืมเงินจาก อดีตพระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ทำให้หลายคนสงสัยว่าเป็นใคร กระทั่งล่าสุด ส. หรือ สมปอง นครไธสง (ทิดสมปอง) อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ออกมายอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ยืมเงินจริง ทำให้สายตาสังคมจับจ้องไปที่อักษรย่อ พ. ซึ่งหลายคนโยงว่าอาจหมายถึง แพรรี่ ไพรวัลย์

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ แพรรี่ ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์ข้อความโต้กระแสว่า ตนเป็นเพียงน้อง ไม่ใช่ภรรยาของทิดสมปอง จึงไม่ได้รู้ทุกเรื่อง พร้อมเหน็บแรงว่า “พูดเหมือนเขาไปยืมเงินแล้วเอามาแบ่งกู 70/30”

จากนั้น แพรรี่ยังไปออกรายการ โหนกระแส ยืนยันชัดเจนว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ หรือ “ทิดจอร์จ” แต่อย่างใด ส่วนความสัมพันธ์กับทิดสมปองนั้นเป็นเพียงพี่น้องกัน ไม่ใช่คนที่ต้องรู้เรื่องส่วนตัวทั้งหมด โดยย้ำว่าหากใครติดตามตั้งแต่สึกใหม่ ๆ จะรู้ว่าทิดสมปองเคยยอมรับเองว่ามีหนี้กว่า 10 ล้านบาท

 

แพรรี่เล่าต่อว่า ช่วงแรกทิดสมปองเคยเกือบจะไปอยู่กับบุคคลหนึ่งที่อาสาช่วยใช้หนี้ แต่มีการตั้งเงื่อนไขสัญญา จึงไม่เกิดขึ้น กระทั่งต่อมามีข่าวว่า “พี่ติ๋ม ทีวีพูล” ออกมาช่วยชำระหนี้แทนในบางส่วน เธอเองเพิ่งทราบภายหลัง และยอมรับว่าตกใจที่ทิดสมปองไปยืมเงินจากทิดจอร์จถึง 10 ล้านบาท ยังเปิดเผยอีกว่า ทิดสมปองเคยขอยืมเงินจากตนเอง 100,000 บาท แต่เธอตัดสินใจ “ให้ไปเลย” ไม่คิดเอาคืน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา
 

ด้าน ทิดสมปอง ได้โฟนอินให้สัมภาษณ์ในรายการ โดยบอกว่า ตนรู้จักพระอลงกตมาตั้งแต่ตนเริ่มเป็นพระ การไปบรรยายที่ไหน ตนก็จะเอาสื่อของวัดพระบาทน้ำพุมาใช้ในการบรรยายบ่อยมาก เช่นการบรรยายเรื่องรักในวัยเรียน ก็จะเอาสื่อของวัดมาประกอบการบรรยาย ตอนนั้นที่ไปทำรายการ “ธรรมะเดลิเวอรี่” ตนต้องทำ CSR กับทางบริษัท ก็บอกให้ทางบริษัท บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ ก็บริจาคให้ไป 3 ล้านกว่าบาท  นั่นคือเรื่องราวสมัยเป็นพระ

 

ต่อมาตนมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะมาก ในการดูแลแม่ป่วยสโตรกติดเตียง ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องเงินจนเป็นหนี้สิน มีภาระดอกเบี้ยสูงมาก จนทำให้ตนตัดสินใจว่า จะไปขอยืมอดีตพระอลงกต ตัดสินใจอยู่นานก่อนจะโทรไปขอยืมเงิน 10 ล้าน เพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ย ท่านก็ถามว่าจะใช้คืนภายในกี่ปี ตนก็บอกไปว่าภายใน 4 ปี รับปากแล้วได้เงินมา แต่พอได้เงินมาแล้ว เจอวิกฤตโควิด ทำให้ไม่สามารถคืนเงินได้ตามที่ตั้งใจได้ แต่ก็พยายามจะหามาใช้ให้ได้ทุกเดือน ทุกเดือน

เมื่อถามว่าทำไมถึงคิดว่าอดีตพระอลงกต มีเงินให้ยืมมากขนาดนั้น ก็เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นที่รู้จัก เป็นที่ศรัทธาของญาติโยม มองว่า ในมุมของการที่พระจะมีเงินส่วนตัว ก็คิดว่าหลวงพ่อท่านน่าจะมีอยู่พอสมควร 

 

เมื่อถามว่า ยืมมาทั้งหมดเท่าไหร่ โดยประมาณคือ 13-14 ล้านเศษ ดยทยอยมาเป็นก้อนๆ 3 ครั้งคือ  3 ล้าน /  4 ล้าน / 5 ล้าน และเงินสดใส่ถุงมาอีก 1 ล้าน ใช้คืนไป 5.5 ล้าน เหลืออยู่ 8.8 ล้าน โดยมีสลิป และมีบันทึกการคืนทั้งหมด จดลงในเอกสารบัญชี ว่าคืนไปเท่าไหร่บ้าง เหลือเท่าไหร่บ้าง โดยเวลาโอน โอนคืนบัญชีส่วนบุคคล ซึ่งน่าจะเป็นลูกศิษย์ชายใกล้ชิด ของหลวงพ่ออลงกต โดยเป็นการยืมปากเปล่า ไม่มีการทำสัญญาด้วย

 

 

สมปองยืนยันว่า ยืมมาเท่าไหร่ ตั้งใจจะคืนให้ครบ ครั้งสุดท้ายที่โอนคืนไปคือ มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยคนที่โอนให้ตน และรับเงินก็คือคนๆ เดียวกันเสมอ ไม่ใช่ตัวหลวงพ่อแต่เป็นศิษย์คนสนิทที่ว่า ซึ่งสมปองยอมรับว่า เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา ก็น้อยใจคนใกล้ตัวเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่หนุ่ม หรือแพรรี่ ที่บอกว่ามั่นใจในตัวพี่สมปองแค่ 70% ทั้งที่เวลามีเรื่องของแพรรี่ ตนมั่นใจในตัวน้อง 100% เสมอ 

 
ถามว่าเงินยอดหนี้ที่เหลือจะทำยังไง ถ้ายังป่วยแพนิกจนทำงานไม่ได้อีก ก็อาจจะต้องใช้เวลา 7-8 ปี แต่ตอนนี้ฟื้นแล้ว ตั้งใจจะกลับมาไลฟ์ขายของ ถ้ามีคนอุดหนุน แล้วมันเวิร์ก ก็อยากจะเคลียร์หนี้ให้หมดภายในปีนี้ ส่วนเรื่องการเข้าไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ สมปอง บอกเลยว่า เต็มใจที่จะให้ข้อมูลทั้งหมด และ ยืนยันตั้งใจว่าจะเป็นพยานให้ในกับเรื่องนี้ 

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้อธิบายว่า เรื่องนี้ในส่วนของ ทิดสมปอง อาจจะเหนื่อยหนักเลย เพราะต้องไปตรวจสอบว่า เงินที่ ทิดสมปอง ได้ไปนั้น เป็นเงินของใครกันแน่ ซึ่ง ถ้าเป็นเงินของหลวงพ่อ ก็อาจจะเบาใจได้บ้าง แต่ถ้าเป็นเงินวัด อาจจะเหนื่อยหนัก เพราะอาจจะมีความผิดในวง 3 เป็นความผิดคล้ายๆ กับหมอบี ที่เป็นผู้สนับสนุน ถึงแม้ว่าจะใช้หนี้ให้ครบทุกบาททุกสตางค์ก็ตาม