“ตำนานเมืองลับแล” เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมานานแล้ว นอกจากจะมีจุดเด่นว่าเป็นดินแดนลึกลับ คนต่างถิ่นเข้าไปไม่ได้แล้ว คนเมืองลับแลยังเคร่งครัดในสัจจะวาจา ถือว่าการพูดเท็จแสดงถึงไม่มีความจริงใจต่อกัน แม้จะพูดด้วยเจตนาดี แต่ก็ถือว่าผิด
ที่มาของชื่อ “ลับแล” ซึ่งมีความหมายว่า บังตา อีกทั้งบริเวณนี้ยังพลบค่ำก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะมีดอยม่อนฤาษีเป็นฉากกั้นแสงอาทิตย์ทางตะวันตก จึงได้ชื่อว่า “ลับแลง” ซึ่งเป็นภาษาล้านนา ต่อมาจึงเพี้ยนเป็น “ลับแล” จากการเคร่งครัดในสัจจะวาจา “ตำนานเมืองลับแล” จึงเกิดขึ้น ย้อนตำนานดัง เมืองลับแล น้อยคนที่จะได้เห็น มีเนื้อความว่า
มีชายหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองทุ่งยั้ง ออกล่าสัตว์และหลงป่าเข้าไปจนเห็นหญิงสาวกลุ่มหนึ่งออกมาจากชายป่า ทุกคนต่างเอาใบไม้ที่ถือมาซ่อนไว้ก่อนจะตรงเข้าไปทางเมือง ชายหนุ่มเกิดความสงสัยจึงแอบหยิบใบไม้ใบหนึ่งมาไว้ ตกบ่ายหญิงกลุ่มนั้นก็กลับมาต่างก็หยิบใบไม้ที่ซ่อนไว้แล้วเดินเข้าป่าไป แต่หญิงคนหนึ่งหาใบไม้ของตัวไม่พบ จึงค้นหาอยู่ด้วยอาการวิตก ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวและเอาใบไม้คืนให้เธอ เธอบอกว่าใบไม้นั้นคือกุญแจที่จะใช้เข้าเมืองได้ ชายหนุ่มเกิดความสนใจจะขอติดตามไปด้วยเพราะอยากเห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอมแต่ขอให้สัญญาว่าจะต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมของชาวลับแลที่ไม่พูดเท็จ เมื่อชายหนุ่มรับคำหญิงสาวได้พาชายหนุ่มไปพบมารดา และถูกอัธยาศัยกันด้วยดีจนเกิดความรักใคร่ มีบุตรด้วยกัน 1 คน
วันหนึ่งภรรยาออกไปเก็บผักหาฟืน ให้สามีดูแลลูกอยู่ที่บ้าน เมื่อลูกวัย 2 ขวบตื่นขึ้นมาไม่เห็นแม่ก็ร้องไห้หา พ่อปลอบอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด เลยบอกกับลูกด้วยความเคยชินของคนในเมืองว่า “แม่มาแล้ว ๆ” มารดาของภรรยาได้ยินว่าลูกเขยพูดเท็จกับลูกก็โกรธ เมื่อลูกสาวกลับมาจึงบอกให้รู้ ฝ่ายภรรยาก็เสียใจมากที่สามีไม่รักษาสัจจะวาจา จำใจจะต้องรักษาคุณสมบัติของชาวลับแลไว้ ให้เขาออกจากหมู่บ้านไป ด้วยความอาลัยนางได้จัดย่ามใส่เสบียงให้สามีพร้อมของสำคัญใส่ย่ามไปด้วย บอกว่าอย่าเปิดดูก่อนจะถึงบ้าน เมื่อภรรยาพาไปส่งจนพ้นเขตเมืองลับแล สามีอยากรู้ว่าภรรยาเอาอะไรใส่มาในย่ามจนหนัก พอเปิดดูเห็นว่าเป็นขมิ้นเต็มย่าม จึงเอาออกขว้างทิ้งเกือบหมด
เมื่อถึงบ้านได้เล่าเรื่องที่ตัวหายไปนานให้เพื่อนและญาติพี่น้องฟัง พร้อมกับเอาขมิ้นที่ติดถุงย่ามมายืนยันคำพูด แต่พอหยิบขมิ้นติดย่ามออกมาก็ต้องตะลึง เพราะขมิ้นนั้นเป็นทองคำเหลืองอร่าม จึงพากันกลับไปหาขมิ้นที่โยนทิ้งไว้ พบว่าขมิ้นเหล่านั้นงอกเป็นต้นไปหมดแล้ว และหาไม่พบทางจะเข้าเมืองลับแลอีก
ด้วยเหตุนี้เมืองลับแลจึงเป็น เมืองอาถรรพ์ ที่ชายหนุ่มทั้งหลายอยากจะเข้าไป แต่ก็ไม่มีใคร หาทางเข้าเมืองลับแล ได้เลย ได้แต่เล่าลือกันมาเป็นร้อยๆ ปี ปัจจุบันถ้าจะเข้าเมืองลับแล ไม่ต้องไปค้นหาทางเข้าหรือใช้ใบไม้เป็นกุญแจแล้ว เพราะเขาสร้างประตูไว้ใหญ่โต และยังมีประติมากรรมแม่ม่ายเมืองลับแลอยู่บริเวณประตู เตือนใจคนที่ไม่มีสัจจะวาจาจะต้องนั่งคอตกในท่านี้