เปิด 14 ข้อห้าม วันตรุษจีน ตามความเชื่อจีนโบราณ ไม่อยากโชคร้ายห้ามทำเด็ดขาด

08 กุมภาพันธ์ 2567

ตรุษจีน 2567 เปิดกฏ 14 ข้อ ตามความเชื่อจีนโบราณ ห้ามทำเด็ดขาด ในวันตรุษจีน ถ้าไม่อยากโชคร้ายซวยซ้ำซ้อนไปตลอดทั้งปี

เข้าสู่เทศกาลตรุษจีน 2567 โดยชาวไทยเชื้อสายจีนจะมีการเตรียมของไหว้วันตรุษจีน เพื่อไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ไหว้เทพเจ้า เพื่อเป็นการระลึกถึงแสดงถึงความกตัญญู และเสริมสิริมงคลให้โชคดีตลอดทั้งปี และทุกคนจึงจะพูดแต่สิ่งที่ดีต่อกันเพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลและเป็นนิมิตรหมายที่ดีกับตนเองและบุคคลในครอบครัว ซึ่ง "วันไหว้" จะตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ถือว่าเป็นตัวเลขมงคลมาก 

 

เปิด 14 ข้อห้าม ตามความเชื่อจีนโบราณ ห้ามทำเด็ดขาด ในวันตรุษจีน

นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับกฏข้อห้ามที่ ชาวจีน ห้ามทำเด็ดขาดใน วันตรุษจีน เนื่องจากชาวจีน ส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า หากใครล่วงละเมิดกฏข้อห้ามเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นกฎข้อห้ามข้อใดข้อหนึ่งก็ตาม ผลจากการกระทำอันเกิดจากการล่วงละเมิดในกฎข้อห้ามนั้นๆจะนำพาความทุกข์โศก เข้ามาสู่บ้านเรือนและครอบครัว ส่งผลทำให้มีแต่สิ่งไม่ดีไปตลอดทั้งปี 

โดยกฏข้อห้ามแต่ละข้อนี่มีดังนี้
       
1. ห้ามใช้ของมีคมความเชื่อในวันตรุษจีนเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

อย่าเพิ่งเล่นมุกให้กรรไกรจะได้ไม่ห่างกันไกลในช่วงวันตรุษจีนเลยนะ บอกเลยว่าชาวจีนเขาถือ! เพราะเชื่อกันว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของนั้น จะเป็นการตัดโชคดีไปด้วย ดังนั้นแล้วของมีคมไม่ว่าจะเป็นมืด หรือกรรไกร จึงกลายเป็นของต้องห้ามสำหรับวันนี้ไปโดยปริยาย…ถ้าอยากเล่นมุกแบบนี้จริงๆไว้รอเล่นป้ายหน้าเทศกาลวาเลนไทน์คงจะฟินกว่ากันเยอะ!  เชื่อกันว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของนั้น จะเป็นการตัดโชคดีไปด้วย

2. ห้ามทำความสะอาดบ้าน

ชาวจีนนั้นมีความเชื่อว่า การทำความสะอาดบ้าน และทิ้งขยะ ในวันตรุษจีน เป็นการกวาดเอาโชคลาภ เงินทอง ออกไปจากบ้าน ไม่ว่าช่วงตรุษจีนบ้านของคุณจะสกปรกขนาดไหนก็ขอให้ฮึบเอาไว้ก่อน แต่ถ้าหากไม่ไหวจะเคลียร์กับความสกปรกจริงๆล่ะก็ แค่กวาดเศษฝุ่นผงไปไว้ที่มุมบ้าน แล้วค่อยเก็บเศษฝุ่นนั้นไปทิ้งในวันถัดไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครทำความสะอาดบ้านในวันตรุษจีน แต่จะทำก่อนวันตรุษจีน 1 วันเพื่อให้บ้านสะอาดรับปีใหม่ และเพื่อไว้ใช้ต้อนรับแขกนั่นเอง

3. ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์

การกินโจ๊กในเช้าวันตรุษจีนนั้น ชาวจีนเชื่อว่า เหมือนเป็นการขัดขวางไม่ให้ตัวเองร่ำรวย และทำตัวเหมือนคนจน เพราะตามความเชื่อนั้นโจ๊กยามเช้าเป็นอาหารของคนจน รวมไปถึงการไม่กินเนื้อสัตว์ด้วย เนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นเป็นมังสวิรัติ ดังนั้นการกินเจในมื้อเช้า ซึ่งก็คือมื้อแรกของปี จะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี

เปิด 14 ข้อห้าม ตามความเชื่อจีนโบราณ ห้ามทำเด็ดขาด ในวันตรุษจีน

4. ห้ามสระหรือตัดผม

คำว่า ผม ในภาษาจีนนั้นเป็นคำพ้องเสียง และคำพ้องรูป ที่มีความหมายว่า มั่งคั่ง ดังนั้นแล้วการสระผมหรือการตัดผมในวันตรุษจีน จึงเปรียบเสมือนการนำความมั่งคั่งออกไป ด้วยเหตุนี้เองชาวจีนจึงไม่นิยมสระหรือตัดผมในวันนี้กัน

5. ห้ามพูดคำหยาบหรือทะเลาะเบาะแว้ง

เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลสูงสุด คนจีนจะงดพูดคำหยาบ รวมไปถึงการพูดเรื่องความตายหรือผีสาง เพราะเชื่อว่า การพูดสิ่งไม่ดีในวันนี้ จะนำพาความโชคร้ายมาให้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้การพูดถึงเลข 4 ก็เช่นกัน เนื่องจากเลข 4 ในภาษาจีน ออกเสียงคล้ายกับคำว่า ตาย ดังนั้นหลายคนจึงพยายามจะไม่ใช้หรือไม่พูดถึงเรื่องใดๆที่เกี่ยวกับเลข 4

6. ห้ามเข้าห้องนอนคนอื่น

ไม่ว่าเจ้าของบ้านจะเจ็บป่วยขนาดไหน ก็ไม่ควรให้แขกเข้ามาเยี่ยมในห้องนอน ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก เพราะชาวจีนเชื่อกันว่าการเข้าไปหาใครในห้องนอนนั้นถือว่าเป็นโชคร้าย 

7. ห้ามร้องไห้

คนจีนเชื่อกันว่าการร้องไห้ในวันปีใหม่ จะทำให้พบเจอกับเรื่องไม่ดี อาจเป็นเหตุทำให้ต้องเสียใจไปตลอดทั้งปี หรือ ทำให้พบเจอกับเรื่องไม่ดีตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นกำไรของเด็กดื้อเลยทีเดียว เพราะในวันนี้ไม่ว่าจะดื้อจะซนขนาดไหน ผู้ใหญ่ก็อาจจะปล่อยให้วันนึง เพราะไม่อยากตีหรือดุจนเด็กต้องร้องไห้ และถือวันที่ 5 นี้ เป็นวันเกิดของเทพเจ้าแห่งโชคลาภเงินทองที่ประจำทั้ง 5 ทิศ ซึ่งตามร้านค้าต่างๆ จะประกอบพิธีไหว้ เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยเปิดกิจการรับปีใหม่

8. ห้ามซักผ้า

เพราะคนจีนมีความเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งสายน้ำเกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันนี้จึงเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน

9. ห้ามให้ยืมเงิน

ข้อนี้รวมไปถึงการให้ยืมสิ่งของอื่นๆนอกเหนือจากเรื่องเงินด้วย เชื่อกันว่า การให้ยืมเงินใน วันตรุษจีน จะทำให้มีแต่คนเข้ามาหยิบยืมตลอดทั้งปี และรวมไปถึงเรื่องการติดหนี้ติดสินของตนเองอีกด้วยนะคะ ถ้าหากว่าคุณได้ติดเงินใครไว้ล่ะก็ควรจะรีบนำไปคืนเขาซะให้เรียบร้อยเลยนะจ๊ะ และต้องนำไปคืนภายในช่วงก่อนหน้าที่จะถึง วันตรุษจีน ด้วย เพราะ ชาวจีน ต่างก็เชื่อกันว่า หากติดเงินใครใน วันตรุษจีน แล้ว คนๆนั้นจะมีหนี้สินติดตัวไปตลอดทั้งปี

10. ห้ามทำของแตก

คนจีนเชื่อว่า การทำสิ่งของแตก ไม่ว่าจะเป็น แก้วตก หรือจานแตก ในวันตรุษจีนนั้น หมายถึง เป็นลางร้ายว่าคนในครอบครัวจะแตกแยก หรืออาจมีคนในครอบครัวเสียชีวิต ดังนั้นในวันนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่หากเป็นเหตุสุดวิสัยทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ไม่ต้องกังวลใจนะคะ ยังพอมีวิธีแก้เคล็ดที่ได้ผลโดยการพูดว่า “luo di kai hua” ที่แปลว่า ดอกไม้จงเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น

11. ห้ามซื้อรองเท้าใหม่

ข้อนี้น่าจะเป็นที่ความหมาย ของการออกเสียงเช่นเดียวกันเรื่องของเลข 4 เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนนั้นออกเสียงว่า Hai ซึ่งคำว่า Hai นั้นมีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ ซึ่งชาวจีนเชื่อกันว่า สิ่งนี้เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร แน่นอนล่ะถอนหายใจตั้งแต่ต้นปีคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆเลย…คำว่า รองเท้า นั้นออกเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ ดังนั้นจึงไม่ควรช๊อปปิ้ง ซื้อรองเท้าใหม่ในวันนี้กันเด็ดขาด

12. ห้ามใส่ชุดสีขาว-ชุดสีดำ

หลายคนเชื่อว่า เสื้อผ้าสีขาว-สีดำ นั้นเป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้น การสวมเสื้อผ้าสีขาว-สีดำ ในวันนี้จึงหมายถึง ลางร้าย-ความอัปมงคล-ความไม่ดีงาม ชาวจีน
 ทุกคนจึงมักจะนิยมใส่เสื้อผ้าทึ่มีสีสันสดใสโดยเฉพาะสีแดงใน วันตรุษจีน เพราะคนจีนเชื่อกันว่า สีแดง เป็นสีมงคลและเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีและจะช่วยขับไล่ปีศาจร้ายออกไป ส่วนการสวมใส่เสื้อผ้าสีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม เนื่องจากถือว่าเป็นสีของการไว้ทุกข์

13. ห้ามให้คนอื่นล้วงกระเป๋าตนเองเด็ดขาด!!

เช่นวานให้เพื่อนมาหยิบของในกระเป๋ากางเกง เสื้อ เพราะมือไม่ว่าง หรือไม่สะดวกอะไรก็ตาม หรือใครก็ตามให้คุณล้วงของในกระเป๋าของเขา ต้องปฏิเสธไปในวันตรุษจีนนี้ เพราะมีความเชื่อว่าปีนี้จะถูกล้วงสิ่งดีๆ ในชีวิตออกไปหมด

14. ห้ามนอนกลางวัน ใน วันตรุษจีน

เพราะเชื่อกันว่า ใครที่นอนกลางวันใน”ตรุษจีน”นั้น จะทำให้ขี้เกียจตลอดปี นั่นเป็นความเชื่อเพื่อสอนให้ผู้คนต้องมีความขยันขันแข็ง ไม่ควรเอาเวลาตอนกลางวันมานอน ควรจะทำงานดีกว่านั่นเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะเห็นได้ว่า กฏต้องห้าม ที่ไม่ควรทำใน”วันตรุษจีน”แต่ละข้อนั้นล้วนมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป แต่ทว่า!!ในกฎทุกข้อล้วนมีความหมายซ่อนเร้นไว้ ซึ่งความเป็น”อัตลักษณ์”ของตนเองเสมอในทุกๆประเพณีของชาวจีนมาทุกยุคทุกสมัย ก่อให้เกิดเป็นเรื่องราวอันสวยงามขึ้นบนกรอบพื้นฐานความเชื่อและความศรัทธาที่คงอยู่ในสายเลือดของชาวจีน