5 ความเชื่อ ที่คนรุ่นก่อนชอบเตือนว่าอย่าทำ แต่สมัยนี้ได้จางหายไปแล้ว

แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่ ความเชื่อโบราณ บางอย่างยังคงฝังแน่นในวิถีชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะข้อห้ามที่ดูแปลกแต่เต็มไปด้วยกุศโลบายและความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับ ลองมาดูกันว่าแต่ละข้อมีที่มาอย่างไร และทำไมคนโบราณถึงเคร่งนัก

5 ความเชื่อ ที่คนรุ่นก่อนชอบเตือนว่าอย่าทำ แต่สมัยนี้ได้จางหายไปแล้ว

 

1. ห้ามตัดเล็บตอนกลางคืน

ความเชื่อ: คนโบราณเชื่อว่าการตัดเล็บตอนกลางคืนจะ “เรียกวิญญาณ” มาเยือน เพราะเสียงตัดเล็บอาจไปกระตุ้นสิ่งลี้ลับให้เข้ามาใกล้ตัว ที่มา: ในอดีตบ้านเรือนไทยไม่มีไฟฟ้า การตัดเล็บในที่มืดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น เล็บฉีกหรือบาดนิ้ว จึงมีข้อห้ามเพื่อความปลอดภัย แต่ถูกตีความเป็นเรื่องอาถรรพ์เพื่อให้เด็ก ๆ เชื่อฟังมากขึ้น

 

2. ห้ามชี้รุ้งกินน้ำ

ความเชื่อ: เด็กที่ชี้รุ้งจะเป็นใบ้หรือพูดติดอ่าง ที่มา: เป็นความเชื่อที่พบในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก รวมถึงไทย โดยเชื่อว่ารุ้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสะพานของเทพเจ้า การชี้อาจเป็นการลบหลู่ หรือในบางท้องถิ่นเชื่อว่าเป็น “ทางผ่านของวิญญาณ” การชี้จึงอาจนำภัยมาสู่ผู้ชี้

 

3. ห้ามกินข้าวเหนียวกับกล้วยตอนกลางคืน

ความเชื่อ: เป็นอาหารของผี หากกินตอนกลางคืนอาจถูกผีตาม ที่มา: ข้าวเหนียวกับกล้วยมักถูกใช้ในพิธีเซ่นไหว้หรือบวงสรวงวิญญาณ คนโบราณจึงเชื่อว่าเป็นอาหารของโลกวิญญาณ หากกินในเวลาที่พลังลี้ลับแรง เช่น กลางคืน อาจเป็นการ “เชื้อเชิญ” ผีให้มาอยู่ใกล้ตัว

 

4. ห้ามนั่งขวางประตู

ความเชื่อ: ขัดโชคลาภ และทำให้วิญญาณไม่กล้าเข้าบ้าน ที่มา: ประตูถือเป็นทางผ่านของพลังงานดีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การนั่งขวางประตูจึงเปรียบเสมือนการ “ปิดกั้น” โชคลาภและขัดขวางการไหลเวียนของพลังบวก นอกจากนี้ยังเป็นข้อห้ามเพื่อความปลอดภัย เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการเดินชน

 

5. ห้ามพูดคำหยาบในงานศพ

ความเชื่อ: จะนำความอัปมงคลมาสู่ครอบครัว ที่มา: งานศพเป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งวิญญาณ การพูดคำหยาบถือเป็นการไม่เคารพผู้ล่วงลับ และอาจทำให้วิญญาณไม่สงบ คนโบราณจึงถือมาก และเชื่อว่าคำหยาบในงานศพจะ “เปิดช่อง” ให้สิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิต