ผอ.โรงเรียนเก็บเศษอาหารที่เหลือของนักเรียนกินจนเกลี้ยง

15 กันยายน 2564

ผู้อำนวยการโรงเรียน เก็บเศษอาหารที่เหลือของนักเรียนมากินต่อจนหมดเกลี้ยง เพราะพยายามจะสอนนักเรียน ทำชาวเน็ตถกสนั่น

กลายเป็นประเด็นร้อนทั่วโลกออนไลน์จีน เมื่อสื่อท้องถิ่นได้รายงานเรื่องราวของ ผู้อำนวยการโรงเรียนคนหนึ่งจนทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลกโซเชียล เนื่องจากผอ.โรงเรียนรายนี้ ได้นำอาหารของนักเรียนที่กินเหลือมากินต่อจนหมดเกลี้ยง ซึ่งเขาพยายามจะสอนนักเรียนในโรงเรียนให้รู้จักคุณค่าของอาหาร

ผอ.โรงเรียนเก็บเศษอาหารที่เหลือของนักเรียน

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ โรงเรียนมัธยมเขตชีหยาง ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ซึ่ง ผอ.โรงเรียนรายนี้ ได้ไปยืนอยู่ที่ข้างถังทิ้งเศษอาหาร  เพื่อตักเตือนให้เด็กกินอาหารให้หมดถาด เมื่อเหล่านักเรียนคนไหนกินไม่หมด เขาก็จะหยิบถาดของเด็กมากินของเหลือจนเกลี้ยง บางคนเห็นแล้วก็ยอมยืนกินให้หมดเองตรงนั้น 


หวัง ลี่ซิน คือชื่อของผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมเขตชีหยางแห่งนี้ ซึ่งเขาต้องการสอนบทเรียนให้นักเรียนรู้จักคุณค่าของอาหาร ไม่ให้กินเหลือทิ้งเหลือขว้าง แต่เมื่อคลิปดังกล่าวปรากฏในโลกออนไลน์ กลับทำให้กลายเป็นประเด็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ชาวเน็ตจีนหลายรายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง

ผอ.โรงเรียนเก็บเศษอาหารที่เหลือของนักเรียน

โดยผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่างๆ กระทั่งมีการถกเถียงกันไปมา ซึ่งส่วนใหญ่กล่าวถึงการกระทำของผู้อำนวยการโรงเรียน ทั้งนี้บางส่วนชื่นชมว่าเขาไม่ใช้อำนาจบังคับ แต่ทำให้นักเรียนดูเป็นแบบอย่าง ขณะที่อีกส่วนยังเกิดความกังขาว่า เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและเหมาะสมหรือไม่ อีกทั้งหลายคนยังมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ  


กระทั่งต่อมา ผอ.โรงเรียนมัธยมเขตชีหยาง ได้ออกมาตอบโต้ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ซึ่งตัว หวัง ลี่ซิน ได้ระบุว่า การสั่งสอนอบรมนักเรียนนั้น การกระทำสำคัญกว่าคำพูด เขาจึงเลือกที่จะทำให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง ครั้งต่อไปพวกเขาจะได้เรียนรู้และปฏิบัติตาม ทั้งยังมั่นใจว่าวิธีการของเขาเห็นผลชัดเจน


อย่างไรก็ตาม  ผอ.โรงเรียน ยังได้กล่าวถึง เรื่องการกินของเหลือต่อจากนักเรียนอีกด้วยว่า นักเรียนเหล่านี้ก็เหมือนลูกของตัวเอง การกินของเหลือจากนักเรียน จึงเป็นเรื่องธรรมดา

ผอ.โรงเรียนเก็บเศษอาหารที่เหลือของนักเรียน

ข้อมูลจาก new.qq.com

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews