สาวทาสแมวโดนน้องเหมียวข่วน ชะล่าใจไม่ยอมไปหาหมอ สุดท้ายต้องผ่าตัด

29 พฤษภาคม 2564

สาวโพสต์เตือนทาสแมว หลังโดนน้องเหมียวข่วนเป็นแผลเล็กๆ แล้วชะล่าใจไม่ยอมรักษา ใช้เบตาดีนและแอลกอฮอล์ทาหวังเป็นไม่หนัก จนท้ายเป็นแบคทีเรียกินเนื้อ ต้องผ่าตัดถึง 2 ครั้ง

อีกหนึ่งอุทาหรณ์สำหรับทาสแมวทั้งหลาย เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ @MMuragirl ได้ทวิตแชร์ประสบการณ์การถูกแมวข่วน ซึ่งเธอคิดว่าเป็นแผลเล็กๆ คงหายได้ไม่ยาก แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคาด เมื่อแผลนั้นกลับ ติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ และเนื้อบางส่วนตายต้องกรีดเนื้อระบาดหนอง บาดแผลลึกจนเห็นเส้นเอ็นและกระดูก

สาวทาสแมวโดนน้องเหมียวข่วน ชะล่าใจไม่ยอมไปหาหมอ สุดท้ายต้องผ่าตัด
 

โดยเธอเล่าผ่านหน้าทวิตเตอร์ว่า เธอเลี้ยงแมวไว้ แต่ถูกน้องกัดจนจมเขี้ยวและถูกข่วน แม้จะเลี้ยงระบบปิด แต่เธอก็ไม่ได้พาน้องไปฉีดยา ซึ่งหลังจากถูกกัดถูกข่วนก็รีบล้างแผลด้วยน้ำสบู่ ทาแอลกอฮอล์ เบตาดีน  แทบจะทันที แต่ผ่านไป 3 วัน เท้าเธอเริ่มบวมมาก เมื่อไปหาหมอ จึงทราบว่าติดเชื้อ จึงได้ยาปฏิชีวนะมากิน แต่ในวันเดียวกันก็ปวดแสบปวดร้อนที่เท้ามากจึงกลับไปที่โรงพยาบาล

 

หลังจากนั้นเธอก็ได้แอดมิทที่โรงพยาบาล เนื่องจากเริ่มมีไข้ และมีอาการปวดเท้า ปวดแสบปวดร้อน ซึ่งเธอได้รับยาปฎิชีวนะทั้งแบบฉีดและทาน แต่เท้ายังบวมเรื่อยๆ พร้อมทั้งมีรอยจ้ำม่วงๆ รอบแผลที่โดนกัด ต่อมาหมอจึงตัดสินใจให้เข้ารับการผ่าตัดครั้งแรกเพื่อกรีดระบายหนองออก 

สาวทาสแมวโดนน้องเหมียวข่วน ชะล่าใจไม่ยอมไปหาหมอ สุดท้ายต้องผ่าตัด

กระทั่งการผ่าตัดผ่านไป เธอก็ยังรู้สึกปวดเท้ามาก ซึ่งเธอบอกว่า ยาแก้ปวดไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อเปิดแผลออกดูก็ตกใจกับสภาพเพราะเป็นรอยกรีดลึกเห็นกระดูก การรักษาต้องใช้ความอดทนมาก เธอเหมือนตกนรกทั้งเป็น อีกทั้งหมอจะบีบเท้าทุกวัน พอบีบจะมีหนองออกมา ซึ่งหนองแทรกเนื้อจะไม่ไหลแบบหนองทั่วไปแต่จะแทรกตามเนื้อ ต้องบีบหนอง ทำแผลทุกวัน ความเจ็บปวดระดับ 100,000/10 เลยทีเดียว


เมื่อรักษาไปได้ 11 วัน ก็มีข่าวดีกว่าไม่มีหนองแล้ว และเข้ารับการผ่าตัดครั้งที่ 2 เพื่อตัดเนื้อตายสีดำออกทั้งหมด จากนั้นเธอต้องนอนโรงพยาบาลทำแผลสดอีก 3 วัน ก็ได้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน รวมการรักษาตัวทั้งหมด 13 วัน ซึ่งเธอหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นอุทาหรณ์ว่าน้ำลายสัตว์อันตรายมากๆ อยากให้ระมัดระวังอย่าให้เกิดการติดเชื้อ

สาวทาสแมวโดนน้องเหมียวข่วน ชะล่าใจไม่ยอมไปหาหมอ สุดท้ายต้องผ่าตัด

อ่านโพสต์ต้นฉบับ