รัฐโอไฮโอประกาศแรงจูงใจอันน่าทึ่งที่สุด โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน ไมก์ ดีไวน์ ผู้ว่าการรัฐฯ ระบุว่าผู้รับวัคซีนมีโอกาสคว้ารางวัลลอตเตอรี่ มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31.5 ล้านบาท) และทุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเต็มจำนวน
หนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์ ระบุว่า “สหรัฐฯ มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เกินความต้องการ ไม่มีช่วงที่ประชาชนต้องคอยหลายชั่วโมงเพื่อฉีดวัคซีนแล้ว โดยความต้องการฉีดวัคซีนที่ลดต่ำทำให้ผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์” เพื่อกระตุ้นประชาชนมาฉีดวัคซีน
ด้านนายกเทศมนตรีเมืองลองบีชในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศแจกบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแก่ผู้รับวัคซีน ส่วนบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ประกาศว่าผู้รับวัคซีนสามารถรับมันฝรั่งทอดฟรีที่ร้านเชกแช็ก
ช่วงระยะแรกแต่ละพื้นที่เสนอสิ่งจูงใจธรรมดา เช่น โดนัท ใบอนุญาตล่าสัตว์ บัตรชมการแข่งขันเบสบอล ชีสเบอร์เกอร์ เบียร์ และวิสกี จนกระทั่งรัฐโอไฮโอประกาศรางวัลลอตเตอรี่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้การใช้แรงจูงใจกระตุ้นประชาชนฉีดวัคซีนคึกคักยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันรัฐเพนซิลเวเนียกลับไม่ใช้เงินสด ค่าเล่าเรียนระดับมหาวิทยาลัย หรือรางวัลอื่นๆ เป็นแรงจูงใจ แต่ใช้วิธีกระตุ้นแบบเฉพาะตัว โดยประกาศว่าหากผู้มีคุณสมบัติตามเกณฑ์เข้ารับวัคซีนครบร้อยละ 70 เมื่อใด รัฐจะยกเลิกกฎสวมหน้ากากอนามัยให้ทุกคน
ด้านรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทรายใหญ่เพื่อเสนอแรงจูงใจหลายประเภท อาทิ ส่วนลดร้อยละ 10 เมื่อซื้อสินค้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของเซฟเวย์หรืออัลเบิร์ตสันส์
ทั้งนี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดสให้ร้อยละ 70 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในประเทศภายในวันที่ 4 ก.ค. หรือวันชาติสหรัฐฯ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่ามีประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสแล้วร้อยละ 59.8 โดยสหรัฐฯ จะต้องฉีดวัคซีนให้ชาวอเมริกันเพิ่มราว 26 ล้านคนจึงจะบรรลุเป้าหมายข้างต้น