ผู้ป่วยโควิดหอบโรคขึ้นรถตู้โดยสาร กลับรักษาตัวที่บ้านเกิด จ.นครพนม

13 พฤษภาคม 2564

ชายติดเชื้อโควิด-19 หอบโรคขึ้นรถตู้โดยสาร กลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด จ.นครพนม ทำให้ผู้โดยสารร่วมทางกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงโอกาสติดเชื้อสูง หวั่นเกิดคลัสเตอร์ใหม่

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 64  นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 1 ราย หลังจากที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่มาแล้ว 3 วัน โดยผู้ป่วยรายใหม่ เป็นชายอายุ 21 ปี เป็นช่างไฟฟ้าอยู่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง และหัวหน้างานติดเชื้อโควิดช่วงปลายเดือน เม.ย. แต่ตนเองไม่ยอมเข้ารับการตรวจค้นหาเชื้อตามยังคงไปทำงานตามปกติ

ผู้ป่วยโควิดหอบโรคขึ้นรถตู้โดยสาร กลับรักษาตัวที่บ้านเกิด จ.นครพนม
 

กระทั่งวันที่ 5 พ.ค. เริ่มมีอาการไข้ปวดกล้ามเนื้อ วันต่อมามีอาการเจ็บคอร่วมด้วย เริ่มมีเสมหะเหนื่อยหอบ และสงสัยว่าตนเองจะติดเชื้อโควิด หากไปตรวจในจังหวัดนนทบุรี หวั่นจะไม่มีเตียงว่างตามที่ปรากฏในข่าว จึงตัดสินใจเดินทางกลับภูมิลำเนา อ.ศรีสงคราม ด้วยรถตู้โดยสารเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งภายในรถตู้ดังกล่าวประกอบด้วยครอบครัวคนขับ(พ่อ-แม่-ลูก)  มีผู้โดยสารขึ้นจากจังหวัดระยอง สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี และ กทม. รวมทั้งสิ้น 15 คน แยกลง อ.โพนสวรรค์ 2 คน,อ.ท่าอุเทน 3 คน,อ.ศรีสงคราม 5 คน และลงระหว่างทางที่จังหวัดกาฬสินธุ์อีก 2 คน ทั้งนี้ พบว่ามีเพียงลูกชายคนขับเท่าที่ใส่หน้ากากอนามัย

ผู้ป่วยโควิดหอบโรคขึ้นรถตู้โดยสาร กลับรักษาตัวที่บ้านเกิด จ.นครพนม

หลังจากผู้ป่วยถึงบ้านช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค. มีการพูดคุยกับภรรยาพักหนึ่ง จากนั้นขอแยกไปกักตัวเองที่สวนยางพาราใกล้บ้าน ช่วงบ่าย อสม.คัดกรองเบื้องต้นพบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUI (กลุ่มผู้สงสัยติดเชื้อที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค  กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และ ผู้สงสัยว่าป่วยหรือติดเชื้อ) จึงประสาน รพ.ศรีสงครามรับเข้าการรักษา กระทั่งวันที่  12 พ.ค. ผลตรวจพบเชื้อโควิด

หลังจากนั้นทีมแพทย์ได้ไปพบผู้โดยสารที่นั่งมากับผู้ป่วยรวม 12 รายนำตัวแยกออกจากครอบครัว แล้วดำเนินการตรวจค้นหาเชื้อโควิดโดยทันที และกักตัวเฝ้าสังเกตอาการอีก 14 วัน ส่วน 2 รายที่ลงจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ประสานไปยังพื้นที่ให้เข้าไปนำตัวออกมาตรวจหาเชื้อด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้โดยสารทั้งหมดมีความสัมผัสเสี่ยงสูงมาก เพราะผู้ป่วยระหว่างโดยสารมาแม้จะนั่งที่เบาะหลังสุด แต่ไม่สวมแมสก์ตลอดเวลา ขณะที่ทั้งรถมีเพียงลูกชายคนขับเท่านั้นที่สวมแมสก์ นอกนั้นไม่มีใครสวมแม้แต่คนเดียว จึงมีโอกาสติดเชื้อโควิดทั้งรถตู้   

ผู้ป่วยโควิดหอบโรคขึ้นรถตู้โดยสาร กลับรักษาตัวที่บ้านเกิด จ.นครพนม